ลักษณะสำคัญของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรพืช
- เป็นสิ่งมีชีวิตที่เซลล์เป็นยูคาริโอต (Eucaryotic cell) ลักษณะของเซลล์แบบยูคาริโอตมีไรโบโซมเป็นชนิด 80S
- ประกอบไปด้วยเซลล์หลายๆ เซลล์มารวมกันเป็นกลุ่มเซลล์หรือเป็นเนื้อเยื่อ (Tissue) กลุ่มเซลล์เหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงไปเพื่อทำหน้าที่เฉพาะอย่าง
- ผนังเซลล์เป็นสารประกอบพวก Cellulose จึงทำให้เซลล์มีลักษณะเป็นกรอบ แข็งแรง และมีรูปร่างที่แน่นอน
- มีคลอโรฟิลล์บรรจุอยู่ใน Chloroplast คลอโรฟิลล์มักเป็นคลอโรฟิลล์เอ หรือ บี นอกจากนี้ยังมีรงควัตถุอื่นๆ อีกหลายชนิด ช่วยกันทำหน้าที่จับพลังงานแสง เพื่อใช้ในการสังเคราะห์แสง โดยคลอโรฟิลล์ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงพลังงานแสงให้เป็นพลังงานเคมีในรูปของสารอินทรีย์ต่างๆ
- การเจริญต้องผ่านระยะเอมบริโอ เมื่อเซลล์สืบพันธุ์ผสมกันเป็นไซโกตต้องเจริญเป็นเอมบริโอหรือต้นอ่อนเสียก่อน แล้วจึงเจริญไปเป็นต้นใหม่ (ต้นสปอโรไฟต์)
- โดยทั่วไปไม่เคลื่อนที่หรือเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งด้วยตนเองไม่ได้ แต่ในพืชหลายชนิดขณะเป็นเซลล์สืบพันธุ์เคลื่อนที่ได้ เช่น สเปิร์มของมอส เฟิน ฯลฯ เพราะมี แฟลกเจลลา
- มีวงชีวิตแบบสลับ (Alternation of generation) การสืบพันธุ์แบบสลับประกอบด้วยการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ สลับกับการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ต้น gametophyte เป็นต้นที่มีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศโดยการสร้าง สเปิร์มหรือเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ มาผสมกับไข่ หรือเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย ส่วนอีกต้นหนึ่ง เรียกว่า sporophyte เป็นต้นที่มีการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยการสร้าง สปอร์
- ประกอบไปด้วยเซลล์หลายๆ เซลล์มารวมกันเป็นกลุ่มเซลล์หรือเป็นเนื้อเยื่อ (Tissue) กลุ่มเซลล์เหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงไปเพื่อทำหน้าที่เฉพาะอย่าง
- ผนังเซลล์เป็นสารประกอบพวก Cellulose จึงทำให้เซลล์มีลักษณะเป็นกรอบ แข็งแรง และมีรูปร่างที่แน่นอน
- มีคลอโรฟิลล์บรรจุอยู่ใน Chloroplast คลอโรฟิลล์มักเป็นคลอโรฟิลล์เอ หรือ บี นอกจากนี้ยังมีรงควัตถุอื่นๆ อีกหลายชนิด ช่วยกันทำหน้าที่จับพลังงานแสง เพื่อใช้ในการสังเคราะห์แสง โดยคลอโรฟิลล์ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงพลังงานแสงให้เป็นพลังงานเคมีในรูปของสารอินทรีย์ต่างๆ
- การเจริญต้องผ่านระยะเอมบริโอ เมื่อเซลล์สืบพันธุ์ผสมกันเป็นไซโกตต้องเจริญเป็นเอมบริโอหรือต้นอ่อนเสียก่อน แล้วจึงเจริญไปเป็นต้นใหม่ (ต้นสปอโรไฟต์)
- โดยทั่วไปไม่เคลื่อนที่หรือเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งด้วยตนเองไม่ได้ แต่ในพืชหลายชนิดขณะเป็นเซลล์สืบพันธุ์เคลื่อนที่ได้ เช่น สเปิร์มของมอส เฟิน ฯลฯ เพราะมี แฟลกเจลลา
- มีวงชีวิตแบบสลับ (Alternation of generation) การสืบพันธุ์แบบสลับประกอบด้วยการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ สลับกับการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ต้น gametophyte เป็นต้นที่มีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศโดยการสร้าง สเปิร์มหรือเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ มาผสมกับไข่ หรือเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย ส่วนอีกต้นหนึ่ง เรียกว่า sporophyte เป็นต้นที่มีการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยการสร้าง สปอร์
พืชมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากพืชทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตอาหารให้แก่ระบบนิเวศ นอกจากนี้พืชยังม มีประโยชน์ในด้านอื่นอีกหลายประการ เช่น พืชขนาดใหญ่ให้ไม้ซึ่งใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนและสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆ พืชสมุนไพรใช้ในการรักษาโรคต่างๆได้หลายชนิด ไม้ดอกไม้ประดับ กล้วยไม้ ว่าน และพวกบอนต่างๆ ปลูกเพื่อ ให้ความสวยงามและสบายใจแก่ผู้ปลูก แต่ก็มีพืชบางชนิดที่ให้โทษเหมือนกัน เช่น พวกวัชพืชต่างๆ ก่อให้เกิดความเสียหาย แก่การเกษตร ผักตบชวา เจริญและแพร่พันธุ์ลงสู่แม่น้ำอย่างรวดเร็วทำให้กีดขวางการจราจรทางน้ำ ต้องเสียค่าใช้ จ่ายในการแก้ปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างมาก พืชทั้งหมดที่จัดอยู่ในอาณาจักรนี้มีมากกว่า 350,000 species พืชเหล่านี้แพร่กระจาย ไปได้แทบทุกหนทุกแห่ง ทั้งบนบก ในน้ำ บนภูเขาสูง หรือในทะเลทราย พืชแต่ละชนิดจะแตกต่างกันออกไป ทั้งทางด้านรูปร่าง ขนาด และการดำรงชีวิต
สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้แบ่งเป็น 9 ไฟลัม คือ
1.1 Phylum Hepatophyta ต้นแกมีโทไฟต์ มีทั้งที่เป็นต้น มีส่วนคล้ายใบและที่เป็นแผ่นบางๆภายในเซลล์จะมีหยดน้ำมันอยู่ด้วย ต้นสปอโรไฟต์เมื่อแก่จะแตกออก เพื่อปล่อยสปอร์กระจายพันธุ์ ตัวอย่างพืช เช่น ลิเวอร์เวิร์ท
ลิเวอร์เวิร์ท |
1.2 Phylum Anthocerophyta ต้นแกมีโทไฟต์มีลักษณะเป็นแผ่น มีรอยหยักที่ขอบ มักมีคลอโรพลาสต์เพียง 1 คลอโรพลาสต์ต่อเซลล์ และต้นสปอร์โรไฟต์จะมีลักษณะยาวเรียว มีเนื้อเยื่อเจริญอยู่ที่โคนต้น เช่น ฮอร์นเวิร์ต
ฮอร์นเวิร์ต |
มอส
| มอส |
2. พืชที่มีเนื้อเยื่อลำเลียงแต่ไม่มีเมล็ด
ประกอบด้วยเฟินแท้ และกลุ่มใกล้เคียงเฟิน พืชกลุ่มนี้มีราก ลำต้นและใบที่แท้จริง ภายในรากมีเนื้อเยื่อลำเลียงเหมือนที่พบในลำต้น มีต้นแกมีโทไฟต์และต้นสปอร์โรไฟต์เจริญแยกกัน หรืออยู่รวมกันในช่วงสั้นๆ โดยต้นแกมีโทไฟต์จะมีวงชีวิตสั้นกว่าสปอร์โรไฟต์
2.1 Phylum Lycophyta เป็นพืชที่มีลำต้นและใบที่ทแจริง มีใบขนาดเล็ก มีเส้นใบ 1 เส้นที่ไม่แตกแขนง ที่ปลายกิ่งจะมีกลุ่มของใบที่ทำหน้าที่สร้างอับสปอร์ พืชกลุ่มนี้ได้แก่ ไลโคโปเดียม เช่น สามร้อยยอด หางสิงห์ ซีแลกจิเนลลา เช่น ตีนตุ๊กแก และกระเทียมน้ำ
ตีนตุ๊กแก |
2.2 Phylum Pterophyta ตัวอย่างของพืชกลุ่มนี้ได้แก่ หวายทะนอย หญ้าถอดปล้องและเฟิน
- หวายทะนอย (Psilotum sp.) ไม่มีราก ไม่มีใบ (ถ้ามีจะมีขนาดเล็กมาก) มีการแตกกิ่งเป็นคู่
หวายทะนอย |
- หญ้าถอดปล้อง(Equisetum spp.) เป็นกลุ่มพืชที่มีลำต้น มีข้อปล้องชัดเจน มีทั้งลำต้นตั้งตรงบนดินและลำต้นใต้ดิน ลำต้นตั้งตรงบนดินมีสีเขียวเป็นสัน ใบมีขนาดเล็ก มีเส้นใบเพียง 1 เส้น เรียงเป็นวงรอบข้อ อับสปอร์เป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง เรียกว่า strobilus
หญ้าถอดปล้อง |
- เฟิน(Fern) มีราก ลำต้น ใบ ที่แท้จริง โดยมีเส้นใบแตกแขนง ใบอ่อนม้วนจากปลายสู่โคนใบ ใบอาจเป็นใบเดี่ยว หรือใบประกอบ มีสปอร์อยู่ใต้ใบเมื่อใบแก่ ตัวอย่างของเฟินได้แก่ เฟินใบมะขาม เฟินก้านดำ ข้าหลวงหลังลาย ชายผ้าสีดา ย่านลิเภา แหนแดง จอกหูหนู ผักแว่น ผักกูด เป็นต้น
ผักแว่น |
มีระยะสปอร์โรไฟต์ที่เด่นชัด และยาวนาน แต่ระยะแกมีโทไฟต์จะมีขนาดเล็กลงมากเมื่อเทียบกับมอสและเฟิน ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
- Gymnosperm (พืชเมล็ดเปลือย) ลักษณะที่สำคัญคือ ออวุลและละอองเรณูติดบนแผ่นกิ่งหรือแผ่นใบซึ่งจะอยู่รวมกันที่ปลายกิ่ง เรียกว่า cone แยกเป็นโคนเพศผู้และโคนเพศเมีย เป็นพืชที่ไม่มีอก แต่มีเมล็ด เมล็ดไม่มีผนังรังไข่ห่อหุ้ม จึงเรียกว่า เมล็ดเปลือย แบ่งออกเป็น 4 Phylum คือ
3.1 Phylum Cycadophyta เป็นพืชที่มีการกระจายพันธุ์ในบริเวณที่แห้งแล้งได้ดี มีลำต้นค่อนข้างเตี้ย ใบมีขนาดใหญ่เป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว มีการสร้างโคนเพศผู้และโคนเพศเมียแยกต้นกัน เช่น ปรง ปรงป่า ปรงเขา เป็นต้น
ปรงป่า |
3.2 Phylum Ginkophyta ปัจจุบันเหลือเพียงสปีชีส์เดียว คือ แป๊ะก๊วย มีลักษณะใกล้เคียงกับพืชที่สูญพันธุ์ไปแล้ว พบตามธรรมชาติในประเทศจีน เกาหลีและญี่ปุ่น ลำต้นมีขนาดใหญ่ ใบเดี่ยวคล้ายพัด ต้นเพศเมียสร้างออวุลที่ปลายกิ่งพิเศษ เมล็ดมีอาหารสะสมนิยมนำมารับประทาน
แป๊ะก๊วย |
สนสามใบ |
มะเมื่อย |
- angiosperm ( พืชดอก ) เป็นกลุ่มพืชที่มีความหลากหลายมากที่สุดในอาณาจักรพืช พืชกลุ่มนี้มีดอกซึ่งเป็นกิ่งที่เปลี่ยนแปลงมาเป็นโครงสร้างที่ใช้ในการสืบพันธุ์ มีออวุลเจริญอยู่ในรังไข่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกสรตัวเมีย (มีดอก มีเมล็ด เมล็ดมีผนังรังไข่ห่อหุ้ม) แบ่งเป็น พืชใบเลี้ยงเดี่ยว (Monocotyledon) และพืชใบเลี้ยงคู่ (Dicotyledon)
ไผ่ |